สมาธิเพื่อสุขภาพ

หลายคนพยายามรักษากายเพื่อให้หายจากอาการเจ็บป่วย โดยไม่รู้ว่าบางครั้งความเจ็บป่วยอาจเกิดจากใจก็ได้ เหมือนที่คนโบราณเปรียบเปรยไว้ว่า “ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว” วันนี้เรามีวิธีเยียวยาจิตใจพร้อมกับดูแลรักษาสุขภาพโดยการนั่งสมาธิมาฝากกัน

การนั่งสมาธิเปรียบได้กับการให้ยากับจิตใจ เพราะสมาธิจะทำให้สมองปลอดโปร่ง ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ และยังทำให้เราควบคุมอารมณ์ได้ดี ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อสุขภาพ ผู้ที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน หดหู่ คิดมาก จิตใจฟุ้งซ่าน อ่อนไหว เคร่งเครียด นอนไม่หลับ หรือเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็มาฝึกนั่งสมาธิได้โดยมีขั้นตอนง่ายๆ 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. หาสถานที่เงียบสงบ เช่น วัด ห้องพระ ห้องนอน ผู้ฝึกนั่งสมาธิควรเลือกสถานที่ที่ผ่อนคลาย ไม่มีอะไรมารบกวน เพราะการนั่งสมาธิค่อนข้างยากสำหรับผู้เริ่มต้น บางคนทำได้ไม่นานก็ยอมแพ้ เพราะฟุ้งซ่าน เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว การนั่งสมาธิต้องทำให้จิตใจสงบให้มากที่สุดจนลืมความปวดเมื่อย การเลือกสถานที่ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก
2. อยู่ในท่าที่สบาย การเลือกท่าทางในการทำสมาธิเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นเดียวกัน ควรเลือกท่าที่ตนเองชอบมากที่สุด หากไม่ชอบนั่งหลังตรงเพราะรู้สึกไม่สบาย อาจจะเลือกท่านอน ท่านั่งพิง หรือแม้แต่ท่าเดินก็ได้ แต่อย่าเป็นท่าที่สบายเกินไปจนเผลอหลับล่ะ  
3. การรวบรวมความสนใจ การพุ่งความสนใจไปที่จุดใดจุดหนึ่งคือหัวใจของการทำสมาธิ เช่น พุ่งความสนใจไปที่ปลายจมูก ปลายเท้า ถ้ายังคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องราวต่างๆ นั่นย่อมหมายถึงจิตใจที่สับสนวกวน ไม่มีสมาธินั่นเอง
4. อย่าเครียดจนเกินไป คนที่เริ่มต้นฝึกสมาธิอาจยังทำได้ไม่เต็มที่ก็ไม่ต้องเครียดจนเกินไป ถ้ามีเรื่องที่ผ่านเข้ามาในใจก็อาจปล่อยใจให้คิดถึงมันได้บ้างเป็นระยะ แต่ต้องดึงสมาธิกลับมาที่เดิมให้เร็วที่สุด ถ้าฝึกบ่อยๆ ก็จะทำให้เราไม่วอกแวก จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ในที่สุด

ถ้าฝึกสมาธิบ่อยๆ ก็จะส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพกายและใจ รับรองว่าไม่มีโรคภัยมากวนใจแน่นอน