“ ด้วยเชื่อมั่นว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดสามารถป้องกันได้ ”

ฝุ่นพิษ PM2.5 ภัยเงียบของคนไทย

ฝุ่นพิษ PM2.5 ภัยเงียบของคนไทย



วันหนึ่งคุณตื่นมาพร้อมกับอาการแสบจมูก หายใจไม่ออก ระคายเคืองตา หรือเกิดผื่นแดงคันที่ผิวหนัง พอเปิดหน้าต่างออกจึงรู้ว่า ‘ฝุ่น PM2.5’ นี่แหละคือต้นตอของอาการผิดปกติเหล่านี้

จากข้อมูลสถิติของ World Air Quality Report 2020 รายงานว่า เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ คือหนึ่งในเมืองหลวงของโลกที่ถูกจับตามองปัญหาเรื่องมลพิษ มีปริมาณฝุ่น PM2.5 ลดลงร้อยละ 20 สืบเนื่องมาจาก ‘การกักตัว’ ของประชาชนส่วนใหญ่ ทำให้การจราจรลดลง คนหันมาปลูกต้นไม้กันมากขึ้น โรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ชะลอการผลิต ฯลฯ เป็นผลให้การปล่อยก๊าซมลพิษลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ดี แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อมองภาพรวมแล้ว ฝุ่นพิษ PM2.5 ก็ยังคงเป็นวิกฤตของสังคมไทย

อากาศพิษ ฝุ่น และเขม่าควัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกลุ่มโรค NCDs หรือโรคติดต่อไม่เรื้อรัง ที่จะค่อย ๆ สะสมอาการไปอย่างต่อเนื่อง
พฤติกรรมของมนุษย์นั่นเองเป็นสาเหตุของการเกิดฝุ่นในทุกวันนี้ แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันธรรมดา ๆ ของเราแบบไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถ เครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล ที่มีการเผาไหม้ ก่อให้เกิดฝุ่นพิษ ความสะดวกสบายจากการใช้ถุงพลาสติกก็เช่นเดียวกัน กระบวนการผลิตและทำลายพลาสติคก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  และย่างเข้า "ฤดูฝุ่น"ในเดือนมกราคมจนถึงปลายเดือนเมษายน สาเหตุหลักมาจากการเผาชีวมวลในที่โล่งและไฟป่า

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นได้จากทุกคน เพียงแค่เริ่มต้นลงมือทำ เพราะสุดท้ายแล้วฝุ่น PM2.5 รวมถึงมลพิษทางอากาศอื่น ๆ ที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศก็จะย้อนกลับมาเป็นอากาศหายใจเข้าสู่ร่างกายของเรา ฉะนั้น เราทุกคนจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมสร้างอากาศสะอาด หรือช่วยลดมลพิษได้

ที่มา ศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะ สสส
#เราต้องหายใจอากาศสะอาด
#มิติสุขภาพและสิ่งแวดล้อมคือเรื่องเดียวกัน
 871
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์